ผู้ที่อยู่นอกวงการศิลปะหลายคนอาจไม่สนใจหอศิลป์ (Art Gallery) เนื่องจากมองว่าเป็นสถานที่ของคนเฉพาะกลุ่ม ไม่คิดว่ามีประโยชน์ต่อผู้ที่ไม่ได้สร้างงานศิลป์ ซึ่งถือเป็นความเข้าใจผิดเพราะการก่อตั้งหอศิลป์ทุกแห่งมีจุดประสงค์หนึ่งที่ตรงกัน คือ ใช้เป็นสถานที่ให้ความสำคัญแก่ศิลปินผู้สร้างผลงานซึ่งเปิดกว้างสำหรับประชาชนทั่วไป
แหล่งหย่อนใจและให้ความรู้
คำว่า “หอศิลป์” มีหลายแห่งใช้ชื่อว่าพิพิธภัณฑ์ศิลปะ (Art Museum) ขณะที่บางแห่งขึ้นป้ายว่าศูนย์ศิลปะ (Art Center) เป็นสถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะแขนงต่าง ๆ โดยบางแห่งมีจัดแสดงกระบวนการสร้างผลงานให้ชมและนำเสนอกิจกรรมให้มีส่วนร่วมด้วย
ผู้คร่ำหวอดในวงการศิลปะบางท่านมองว่าหอศิลป์เป็นสถาบันที่เปรียบเสมือนสาธารณูปโภค สำหรับให้สังคมใช้พัฒนาปัญญา จิตใจ และวัฒนธรรม และเป็นสถานที่นัดพบของประชาชนทั่วไปที่มีความตั้งใจร่วมกันทำกิจกรรม กระทั่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสานต่อวัฒนธรรมของท้องถิ่นและของประเทศในที่สุด
ประโยชน์อีกประการหนึ่งของหอศิลป์ คือ เป็นสถานที่ช่วยผ่อนคลายอารมณ์และให้ความสุขทางใจ ซึ่งผู้ที่ไม่มีแผนทำงานศิลปะอย่างจริงจัง ก็สามารถหาประโยชน์ในส่วนนี้ด้วยการเดินตระเวนชมผลงานไปเรื่อย ๆ ได้ เช่น ชมภาพด้วยการพินิจดูการให้สีและการใส่องค์ประกอบที่ละเอียดซับซ้อน ชมรูปหล่อที่งดงามประณีต และชมผลงานแนวอื่นที่อาจทำให้รู้สึกทึ่งกับฝีมือของศิลปิน
หอศิลป์จำนวนหนึ่งดำเนินการเชิงธุรกิจ แต่เป็นการทำธุรกิจเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมงานศิลปะควบคู่ไปกับการหารายได้ ไม่มีแผนหากำไรแบบไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบด้านลบต่อวงการศิลปะ
ประเด็นต่าง ๆ ที่กล่าวถึงทั้งหมด คือ คุณค่าและความน่าสนใจของหอศิลป์ที่มีมากกว่าการเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะ ถือเป็นสถานที่ประเภทหนึ่งที่น่าไปเยี่ยมชมและสัมผัสบรรยากาศด้วยตนเอง